เพจ CSI LA นำมาโพสต์มีข้อความที่มีเนื้อหาว่า ตำรวจนายสิบที่เพิ่งจบใหม่และเพื่อนร่วมชั้นเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ หลังถูกเกณฑ์ไปเป็นตำรวจคุมฝูงชน โดยเฉพาะภาคกลางและตะวันออกเกือบทั้งรุ่น จึงตั้งคำถามถามว่าเหตุใด จึงต้องการ คฝ. จำนวนมากหลังเลือกตั้ง
ทางเพจยังระบุข้อความว่า"ยุคข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนตื่นรู้แล้ว ยุคสมัยของประเทศอื่นๆในโลกก็เปลี่ยนแปลงไป หากจะใช้วิธีเดิมๆในอดีต กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และกองกำลังตัวเองยังไม่เอาด้วยแล้ว ผลย่อมออกมาไม่เหมือนเดิม"
ตร.ฮ่องกงจับนักเคลื่อนไหว รำลึก 34 ปี “เทียนอันเหมิน”
แนะ 4 แนวทางหยุดวงจร ‘ขยะอาหาร’ ไม่ซื้อตอนหิว ซื้อเท่าที่จำเป็น
เพจยังโพสต์เอกสารอ้างว่าเป็น คำสั่งการจัดทำบัญชีตำแหน่งเพื่อใช้รองรับการแต่งตั้งเลื่อนชั้นนักเรียนนายสิบตำรวจ ประจำปีงบประมาณ 2564 รุ่นที่ 2 ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ซึ่งเอกสารลงวันที่ 18 พ.ค. 2566 หรือหลังเลือกตั้ง 4 วันคำพูดจาก สล็อตวอเลท
ในเอกสารขีดเส้นใต้ระบุแนวทางการบริหารจัดการกำลังพลกองร้อยควบคุมฝูงชน (คฝ.)เมื่อมีสถานการณ์ชุมนุม ให้ใช้กำลังพลกองร้อย คฝ.ก่อน และอีกท่อนขีดเส้น ข้อความที่ระบุว่า และให้บรรจุแต่งตั้ง นสต.ที่สำเร็จการศึกษา ในแต่ละปีมาดำรงตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่กองร้อย คฝ.
ในเอกสารดังกล่าว ยังมีตัวเลขตำรวจที่ถูกบรรจุในแต่ละหน่วยงานทั่วประเทศ และ จำนวนตำรวจที่จะบรรจุเป็น คฝ. คือ 2,576 นาย และยังมีข้อความที่อ้างว่าตำรวจนายสิบเขียนมาถึงเพจ มีเนื้อหาเล่าว่า เป็นตำรวจรุ่นที่กำลังจะจบเดือนกรกฎาคม ปกติเมื่อเรียนจบก็จะใช้วิธีเรียงคะแนนและเลือกลงตามโรงพักต่างๆเพื่อบรรจุในสายปราบปราม ตามโรงพักต่างๆ ให้ทำงานปราบปราม สืบสวน หรืองานจราจร ซึ่งเป็นความฝันตอนที่มาเรียน คาดวังว่าจะได้จับคนร้ายและดูแลสังคม เมื่อทราบว่าจะถูกเกณฑ์ไปเป็นตำรวจ คฝ.ทุกคนในรุ่น ก็รู้สึกลำบากใจ และข้อความช่วงหนึ่งระบุว่า "มันเตรียมการรัฐประหารรึเปล่า เลยต้องระดมกำลังตำรวจคุมฝูงเยอะเยอะขนาดนี้"
ในข้อความยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า ตอนสมัครสอบก็ไม่มีเงื่อนไขไหนระบุให้ต้องมาทำงานในตำแหน่ง คฝ. และบอกว่าตอนที่ฝึกงานที่โรงพักก็พบว่ามีปัญหาขาดแคลนตำรวจ ซึ่งในส่วนกำลัง คฝ.หากขาดแคลนจริงๆก็น่าจะเรียกกำลังเสริมจากโรงพักได้ และย้ำว่า ในส่วนกำลังพลที่จัดตั้งมาจังหวัดละ 500 คน หากไม่มีสถานการณ์ชุมนุมจะให้ทำอะไร ซึ่งหากให้ลงไปสังกัดโรงพักน่าจะมีประโยชน์กว่า
โดยเอกสารดังกล่าวนั้นคงต้องรอการตรวจสอบว่าเป็นเอกสารราชการจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ทีมข่าวพีพีทีวีพยายามสอบถามไปแหล่งข่าว ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งแหล่งข่าวบอกเพียงสั้นๆ ว่า ขอตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวอย่างละเอียดก่อน